29/11/54

Puss in Boots : พุซ อิน บู๊ทส์

เนื้อเรื่องย่อ

ดรีมเวิร์คส์ปั้นแอนิเมชั่นใหญ่ส่งท้ายปีดันเจ้าเหมียว พุซ อิน บู๊ทส์ จาก เชร็คเป็นพระเอกเต็มตัว
ตำนานแมวเก้าชีวิต แอ็คชั่นผจญภัย สุดตื่นเต้นในระบบ 3D

โปรเจคท์แอนนิเมชั่นส่งท้ายปีจากดรีมเวิร์คส์ปีนี้ ต้องยกให้เจ้าแมวจ้าวเสน่ห์ ฮีโร่เหมียวขนปุย พุซ อิน บู๊ทส์ ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ การผจญภัยจะมีเก้าชีวิตเมื่อดรีมเวิร์คส์ อนิเมชัน สตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลัง How to Train Your Dragon, Shrek และ Kung Fu Panda ภูมิใจนำเสนอเรื่องราวสุดอลังของ พุส อิน บูทส์ แมวเหมียวในรองเท้าบู๊ท ที่ฮาที่สุดและมีขนสลวยสวยเก๋ที่สุดในโลกภาพยนตร์ นานมาแล้วก่อนที่เขาจะได้พบกับชเร็ค พุส อิน บู๊ทส์ (แอนโทนิโอ แบนเดอรัส) นักสู้ นักรักและคนนอกกฎหมายชื่อกระฉ่อน กลายเป็นวีรบุรุษเมื่อเขาได้ออกผจญภัยกับคิตตี้ ซอฟท์พอว์ (ซัลมา ฮาเย็ค) แมวสาวผู้แข็งแกร่งและปราดเปรียว และฮัมป์ตี้ ดัมป์ตี้ (แซ็ค กาลิฟิอานาคิส) หัวสมองของกลุ่ม เพื่อรักษาเมืองตัวเองเอาไว้ให้ได้ สิ่งที่ทำให้เรื่องราวอลหม่านมากยิ่งขึ้นไปอีกคือบรรดาพวกนอกกฎหมาย แจ็ค และจิล (บิลลี บ็อบ ธอร์ตัน และเอมี เซดาริส) ผู้ทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้พุสและเพื่อนร่วมทางของเขาทำได้สำเร็จ

นี่เป็นเรื่องราวจริงของแมว เรื่องเล่า ตำนาน…และแน่นอน รองเท้าบู๊ทคู่นั้น

ขอบคุณเรื่องย่อจากหนังดีดอทคอม

ตัวอย่างภาพยนต์



บทวิจารณ์

หนังเริ่มต้นได้ดีครับ มีมุขยิงมาให้คนดูยิ้มมุมปากเล็กๆ ตั้งแต่เริ่ม และก็สอดแทรกมุขตลกเล็กๆ ตลอดเวลาทำให้เป็นหนังที่ดูได้สนุกตั้งแต่เริ่ม หนังเพิ่มความสนุกขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการเพิ่มความซุ่มซามของพระเอกแต่ก็เท่และน่ารัก พร้อมด้วยท่วงทำนองของดนตรีอันเร้าใจ แต่ก็อย่างว่าหนังทุกเรื่องมันจะไม่มีปัญหาให้พระเอกแก้ก็คงเป็นไปไม่ได้ สำหรับในหนังเรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่สร้างขึ้นโดนมีพื้นหลังเป็นนิทานหลายๆ เรื่องยำรวมกัน จึงไม่ยากที่จะหยิบเอาปมของเรื่องนั้นเรื่องนี้มาผูกเข้าด้วยกันแล้วปรับตัวละครสักหน่อยเพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่อง สำหรับหนังเรื่องนี้คงต้องความสามารถให้กับการพากย์มากกว่าการแสดง เพราะเรื่องนี้พูดได้เลยว่าการพากย์เป็นหัวใจสำคัญเลยทีเดียว ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ผูกปมได้ดี โดยพูดถึงความฝันและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเพื่อน แต่ก็อย่างว่า คบคนดีก็มักมีแต่ได้ คบคนชั่วร้ายสุดท้ายก็ทำให้เราเสีย หนังเพิ่มความสนุกด้วยการเพิ่มฉากแอ๊คชั่นเล็กๆ เข้าไปเพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์คนดูบ้างเป็นระยะๆ

สรุป เป็นหนังหน้าดูอีกเรื่องสำหรับครอบครัว แต่ควรจะมีพ่อแม่หรือผู้ใหญ่เข้าไปดูด้วยสำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี เพราะมีบางฉากในเรื่องที่ต้องอธิบายความถูกผิดให้เด็กเข้าใจ สิ่งที่หนังอยากจะบอกให้เรารู้ก็คือ สิ่งมีค่าที่สุดที่เราคิดจะตามหานั้นไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเลย มันอยู่ในตัวเราเองนั้นแหละ

คะแนน 8/10

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น