เรื่องของคน เรื่องของโขนนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2508 โดยเล่าเรื่องราวของ “ชาด” (อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ) เด็กกำพร้าที่ถูกครูโขนฝีมือดีอย่าง “ครูหยด” (สรพงษ์ ชาตรี) เลี้ยงดูและฝึกหัดโขนให้ตั้งแต่เล็กๆ จนกระทั้งเติบใหญ่ มีฝีไม้ลายมือเก่งกาจกลายเป็นศิษย์เอกในคณะโขนของครูหยด อีกทั้งชาดยังได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจที่ดีเสมอมาจากเพื่อนรักอย่าง “ตือ” (กองทุน พงษ์พัฒนะ) และ “แรม” (นันทรัตน์ ชาวราษฎร์) ที่สนิทสนมรักใคร่ผูกพันกันมาตั้งแต่วัยเด็ก
ด้านครูหยดก็ได้มองเห็นแววที่จะเอาดีทางด้านนี้ของชาด และคิดจะเปิดตัวชาดในบทพระรามเป็นครั้งแรกในงานแสดงโขนประจำปีครั้งใหญ่ที่วัดอ่างทอง เส้นทางชีวิตของชาดดูเหมือนจะไร้ซึ่งอุปสรรคในการก้าวตามความฝัน เพื่อมุ่งสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักแสดงโขนตามความทะยานอยากในวัยหนุ่มของเขา แต่เมื่อ “ครูเสก” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) อดีตเพื่อนรักของครูหยด ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจด้วยปมแค้นฝังลึก ได้รับรู้เรื่องการแสดงของคณะครูหยด จึงหาวิธีกลั่นแกล้งไม่ให้ครูหยดได้แสดงโขนที่วัดนี้ ซึ่งก็เข้าทางหลานชายสายเลือดโขนของครูเสกอย่าง “คม” (ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์) คู่อริเก่าของชาดที่ต้องการแก้แค้นและเอาคืนชาดอย่างสาสมเช่นกัน บางครั้งเราก็ต้องพบกับฝันร้ายโดยไม่รู้ตัว...
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อปัญหาที่ถาโถมเข้ามาหาครูหยดและชาดนั้นไม่ใช่แค่มายาแห่งนาฏกรรมโขนอันเกิดมาจากความอาฆาตแค้นไม่สิ้นสุดของครูเสกและคมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ชาดยังหลงเข้าไปในวังวนแห่งตัณหาราคะที่ก่อเกิดจาก “รำไพ” (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) เมียรุ่นลูกของครูหยดที่จ้องจะเข้าหาชาดทุกครั้งที่มีโอกาส รวมทั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนรักอย่างชาด, แรม และตือที่ถูกสั่นคลอนลงอย่างไม่คาดฝัน นั่นเป็นเหตุให้ชีวิตของชาดซวนเซและพลิกผันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
ฉากสุดท้ายของชาดจะสามารถกลับลำและไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ ถึงเวลาที่ชาดจะต้องต่อสู้เอาชนะด้านมืดของตัวเอง และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ หาใช่หัวโขนที่สวมใส่
ขอบคุณเนื้อเรื่องย่อจากหนังดีดอทคอม
ตัวอย่างหนัง
บทวิจารณ์
หนังเริ่มต้นคล้ายๆ จะเป็นการบอกให้คนดูทราบว่านี้คือเรื่องราวในอดีตของครูท่านหนึ่งที่กำลังเล่าให้เด็กๆ ฟัง จากนั้นก็ตัดมาเป็นฉากเปิดตัวของพระเอกและนางเอก และก็ตัวละครต่างๆ ของเรื่อง หนังสร้างให้นางเอกนั้นมีพื้นฐานการรำมาบ้างแล้วเพราะเป็นเด็กในคณะลิเก อีกทั้งยังสอดแทรกการแสดงโขนและการแสดงอื่นๆ ของไทยอยู่เป็นระยะๆ มากบ้าง น้อยบ้าง อาจจะเป็นเพราะหนังต้องการสื่อถึงการแสดงโขน มากกว่าที่จะเป็นหนังรักๆ แค้นๆ อะไรแบบนั้น (แม้ปมของเรื่องจะเป็นประมาณหนัง รักๆ แค้นๆ ก็ตามที) หนังจึงทำออกมาประมาณว่า ตัวแสดงไหนดีหรือไม่ดีแบบไหนมีความต้องการทะยานอยากยังไงก็แสดงออกมาแบบตรงๆ กันเลย เรียกได้ว่าคนดูไม่ต้องคิดมากว่าคนไหนดีไม่ดียังไง
ในส่วนของตัวแสดงนั้นเรื่องอาจจะเรียกได้ว่ามีการขโมยซีนกันเลยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะทั้งพระเอกนางเอกและเพื่อนพระเอกที่เป็นตัวนำของเรื่องนั้นเป็นนักแสดงหน้าใหม่จึงไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจเท่าไหร่ แต่ความสนใจกลับมุ่งไปที่บรรดานักแสดงรุ่นใหญ่และนักแสดงหญิงบางคนมากกว่า ที่จะแสดงได้เด่นหน่อยก็คงจะเป็นนักแสดงที่เล่นเป็นคู่แค้นกะพระเอก แต่ก็อาจจะเป็นเพราะบทตัวโกงแสดงไม่ยากเท่าไหร่ (เพราะแค่แสดงว่าเกลียดพระเอกมากๆ แค่นั้นก็จบ)
ประเด็นหลักของเรื่องนั้นพยายามแสดงให้เห็นถึงความทะยานอยาก ความละโมบ ความอิจฉาริษยา ที่ซ่อนอยู่ในตัวคน ออกมาได้ดีระดับหนึ่งเท่านัั้น หากจะถามว่าทำไมแค่ระดับหนึ่ง ก็อาจจะตอบได้ว่าเป็นเพราะหนังมีเรื่องของการแสดงโขนเข้ามาเกี่ยวข้อง หนังจึงทำออกมาได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ แต่ก็พยายามจะแสดงออกในลักษณะของคำพูดแทน
สรุป หนังเรื่องนี้ดีครับ แต่อย่าดาดหวังว่าจะสนุกอะไรมาก เรียกได้ว่าคนที่เข้าไปดูอาจจะเป็นคนที่รักในศิลปการแสดงของไทย และต้องการเข้าไปดูฝีมือการแสดงของนักแสดงหน้าใหม่ (ที่อาจจะไม่มีเรื่องต่อไปแล้ว...)
คะแนน 7/10