The Twilight saga : Breaking Dawn Part 1

The Twilight saga : Breaking Dawn Part 1 เป็นเรื่องราวหลังจากที่ เบลล่า (คริสเต็น สจ๊วต) ตัดสินใจจะใช้ชีวิตที่เหลือกับ เอ็ดเวิร์ด (โรเบิร์ต แพททินสัน) ทั้งสองแต่งงานกันและไปฮันนีมูนเหมือนคู่รักธรรมดาทั่วไป แต่แล้วการฮันนีมูนก็จบลงกะทันหัน เมื่อเบลล่าพบว่าตัวเองตั้งท้อง ลูกของเธอกับเอ็ดเวิร์ด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และทำให้ครอบครัวคัลเลนต้องช่วยกันดูแลเบลล่า และหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กที่กำลังจะเกิดมา เพื่อจะรับมือให้ได้ พร้อมกับป้องกันไม่ให้ข่าวเล็ดลอดออกไปข้างนอก เพราะอาจเป็นการนำมาซึ่งสงครามระหว่างแวมไพร์ โดยเฉพาะผู้คุมกฎอย่างโวลตูรี่ ที่ถือว่า แวมไพร์เด็กคือตัวอันตรายและต้องถูกกำจัด ครอบครัวคัลเลนจึงต้องปกป้องเบลล่า และยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าอย่าง เจคอบ (เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์) และหมาป่าจากควิตยูลอีกด้วย

พุซ อิน บู๊ทส์

ดรีมเวิร์คส์ปั้นแอนิเมชั่นใหญ่ส่งท้ายปีดันเจ้าเหมียว พุซ อิน บู๊ทส์ จาก เชร็คเป็นพระเอกเต็มตัว ตำนานแมวเก้าชีวิต แอ็คชั่นผจญภัย สุดตื่นเต้นในระบบ 3D

Immortals : เทพเจ้าธนูอมตะ

ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่จะมาพลิกหน้าประวัติครั้งใหม่ของมหาศึกตำนานเทพและมนุษย์ ในอัครสงครามที่แย่งชิงเพื่อครอบครอง “คันศรแห่งเอพิรุส” อำนาจแห่งการปกครองกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 3 โลก IMMORTALS (อิมมอร์ทัลส์) คือหนังแอ็คชั่นมหากาพย์ฝีมือการกำกับโดย ทาร์เซม ซิงก์ ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ที่อลังการทุนสร้างกว่า 3,500 ล้านบาท จากฝีมือการสร้างสรรค์ของผู้สร้าง 300 นำแสดงโดย เฮนรี่ คาวิลล์ จาก The Tudors และเป็นคนที่ถูกเลือกให้เป็น “ซุปเปอร์แมน” คนใหม่ ร่วมด้วย ฟรีด้า ปินโต้ จาก Slumdog Millionaire, มิคกี้ รู้ค จาก Iron Man 2, The Wrestler และ เคลแลน ลัตซ์ ผู้รับบทเป็น เอ็มเมตต์ ในแฟรนไชส์หนัง Twilight

The Lost Bladesman: สามก๊ก เทพเจ้ากวนอู

The Lost Bladesman : สามก๊ก เทพเจ้ากวนอู เล่าถึงเรื่องราวของสามก๊ก ในช่วงที่ โจโฉ (เจียงเหวิน) เจ้าเมืองแห่งวุยก๊กเป็นผู้กุมอำนาจเหนือจักรพรรดิ

Conan the Barbarian : โคแนน นักรบเถื่อน

ในยุคสมัยไฮบอเรีย ยุคที่โลกเต็มไปด้วยมนตรา สัตว์ร้าย นักรบ และ ของวิเศษ โลกได้ถือกำเนิด นักรบเพียงหนึ่งเดียว ที่ยืนหยัดต่อสู้ไม่ยอมแพ้ใคร ด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ของเขา และ ความแค้นในใจที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ โคแนน (เจสัน โมมัว) หลังจากครอบครัวและคนในเผ่าถูก คฮาลาร์ ซิมส์ (สตีเฟ่น แลง) ฆ่าตายทั้งหมด

11/9/54

คนโขน

เนื้อเรื่องย่อ

เรื่องของคน เรื่องของโขนนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2508 โดยเล่าเรื่องราวของ “ชาด” (อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ) เด็กกำพร้าที่ถูกครูโขนฝีมือดีอย่าง “ครูหยด” (สรพงษ์ ชาตรี) เลี้ยงดูและฝึกหัดโขนให้ตั้งแต่เล็กๆ จนกระทั้งเติบใหญ่ มีฝีไม้ลายมือเก่งกาจกลายเป็นศิษย์เอกในคณะโขนของครูหยด อีกทั้งชาดยังได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจที่ดีเสมอมาจากเพื่อนรักอย่าง “ตือ” (กองทุน พงษ์พัฒนะ) และ “แรม” (นันทรัตน์ ชาวราษฎร์) ที่สนิทสนมรักใคร่ผูกพันกันมาตั้งแต่วัยเด็ก

ด้านครูหยดก็ได้มองเห็นแววที่จะเอาดีทางด้านนี้ของชาด และคิดจะเปิดตัวชาดในบทพระรามเป็นครั้งแรกในงานแสดงโขนประจำปีครั้งใหญ่ที่วัดอ่างทอง เส้นทางชีวิตของชาดดูเหมือนจะไร้ซึ่งอุปสรรคในการก้าวตามความฝัน เพื่อมุ่งสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักแสดงโขนตามความทะยานอยากในวัยหนุ่มของเขา แต่เมื่อ “ครูเสก” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) อดีตเพื่อนรักของครูหยด ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจด้วยปมแค้นฝังลึก ได้รับรู้เรื่องการแสดงของคณะครูหยด จึงหาวิธีกลั่นแกล้งไม่ให้ครูหยดได้แสดงโขนที่วัดนี้ ซึ่งก็เข้าทางหลานชายสายเลือดโขนของครูเสกอย่าง “คม” (ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์) คู่อริเก่าของชาดที่ต้องการแก้แค้นและเอาคืนชาดอย่างสาสมเช่นกัน บางครั้งเราก็ต้องพบกับฝันร้ายโดยไม่รู้ตัว...

เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อปัญหาที่ถาโถมเข้ามาหาครูหยดและชาดนั้นไม่ใช่แค่มายาแห่งนาฏกรรมโขนอันเกิดมาจากความอาฆาตแค้นไม่สิ้นสุดของครูเสกและคมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ชาดยังหลงเข้าไปในวังวนแห่งตัณหาราคะที่ก่อเกิดจาก “รำไพ” (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) เมียรุ่นลูกของครูหยดที่จ้องจะเข้าหาชาดทุกครั้งที่มีโอกาส รวมทั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนรักอย่างชาด, แรม และตือที่ถูกสั่นคลอนลงอย่างไม่คาดฝัน นั่นเป็นเหตุให้ชีวิตของชาดซวนเซและพลิกผันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

ฉากสุดท้ายของชาดจะสามารถกลับลำและไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ ถึงเวลาที่ชาดจะต้องต่อสู้เอาชนะด้านมืดของตัวเอง และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ หาใช่หัวโขนที่สวมใส่

ขอบคุณเนื้อเรื่องย่อจากหนังดีดอทคอม

ตัวอย่างหนัง



บทวิจารณ์

หนังเริ่มต้นคล้ายๆ จะเป็นการบอกให้คนดูทราบว่านี้คือเรื่องราวในอดีตของครูท่านหนึ่งที่กำลังเล่าให้เด็กๆ ฟัง จากนั้นก็ตัดมาเป็นฉากเปิดตัวของพระเอกและนางเอก และก็ตัวละครต่างๆ ของเรื่อง หนังสร้างให้นางเอกนั้นมีพื้นฐานการรำมาบ้างแล้วเพราะเป็นเด็กในคณะลิเก อีกทั้งยังสอดแทรกการแสดงโขนและการแสดงอื่นๆ ของไทยอยู่เป็นระยะๆ มากบ้าง น้อยบ้าง อาจจะเป็นเพราะหนังต้องการสื่อถึงการแสดงโขน มากกว่าที่จะเป็นหนังรักๆ แค้นๆ อะไรแบบนั้น (แม้ปมของเรื่องจะเป็นประมาณหนัง รักๆ แค้นๆ ก็ตามที) หนังจึงทำออกมาประมาณว่า ตัวแสดงไหนดีหรือไม่ดีแบบไหนมีความต้องการทะยานอยากยังไงก็แสดงออกมาแบบตรงๆ กันเลย เรียกได้ว่าคนดูไม่ต้องคิดมากว่าคนไหนดีไม่ดียังไง

ในส่วนของตัวแสดงนั้นเรื่องอาจจะเรียกได้ว่ามีการขโมยซีนกันเลยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะทั้งพระเอกนางเอกและเพื่อนพระเอกที่เป็นตัวนำของเรื่องนั้นเป็นนักแสดงหน้าใหม่จึงไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจเท่าไหร่ แต่ความสนใจกลับมุ่งไปที่บรรดานักแสดงรุ่นใหญ่และนักแสดงหญิงบางคนมากกว่า ที่จะแสดงได้เด่นหน่อยก็คงจะเป็นนักแสดงที่เล่นเป็นคู่แค้นกะพระเอก แต่ก็อาจจะเป็นเพราะบทตัวโกงแสดงไม่ยากเท่าไหร่ (เพราะแค่แสดงว่าเกลียดพระเอกมากๆ แค่นั้นก็จบ)

ประเด็นหลักของเรื่องนั้นพยายามแสดงให้เห็นถึงความทะยานอยาก ความละโมบ ความอิจฉาริษยา ที่ซ่อนอยู่ในตัวคน ออกมาได้ดีระดับหนึ่งเท่านัั้น หากจะถามว่าทำไมแค่ระดับหนึ่ง ก็อาจจะตอบได้ว่าเป็นเพราะหนังมีเรื่องของการแสดงโขนเข้ามาเกี่ยวข้อง หนังจึงทำออกมาได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ แต่ก็พยายามจะแสดงออกในลักษณะของคำพูดแทน

สรุป หนังเรื่องนี้ดีครับ แต่อย่าดาดหวังว่าจะสนุกอะไรมาก เรียกได้ว่าคนที่เข้าไปดูอาจจะเป็นคนที่รักในศิลปการแสดงของไทย และต้องการเข้าไปดูฝีมือการแสดงของนักแสดงหน้าใหม่ (ที่อาจจะไม่มีเรื่องต่อไปแล้ว...)

คะแนน 7/10

7/9/54

Bangkok Kung Fu : บางกอกกังฟู

เนื้อเรื่องย่อ

“โป้ง, ชิ, กา และ นา” กลุ่มเด็กน้อย 4 คน ที่ถูกแก๊งค์ค้ามนุษย์ลักพาตัวไปเพื่อบังคับให้เป็นขอทาน พร้อมทั้งถูกทารุณกรรม โป้ง (เป้) ถูกตัดลิ้นด้วยมีดตัดต้นไม้จนพูดไม่ได้ ชิ (แบงค์) ถูกแทงจนตาบอดทั้งสองข้างด้วยไม้เสียบลูกชิ้น กา (โทโมะ) ถูกตบบ้องหูจนหนวก และนา (มาริโอ้) ถูกทุบหัวจนกลายเป็นคนสติเลอะเลือนไม่เต็มเต็ง พวกเขาถูกแก๊งค์ค้ามนุษย์พาร่อนเร่ขอทานไปตามจังหวัดต่างๆ จนมาถึงกรุงเทพฯ ที่นั่นพวกเขาได้พบกับชายชราจีนที่มีชื่อว่า อึ้งเสี่ยวหงษ์ อาจารย์ผู้ทรงวิทยายุทธ์ผู้สืบทอดคนสุดท้ายเเห่งพรรคจันทรา กับเด็กผู้หญิงชื่อ “กอหญ้า” (แก้ว) ซึ่งชายชราได้ช่วยเหลือทั้งสี่คนออกมาจากพวกแก๊งค์ค้ามนุษย์ และนั้นคือ วันแรกที่เด็กทั้งสี่ได้รู้ว่า “สุดยอดวิชากำลังภายในนั้นมันมีอยู่จริง”

เวลาผ่านไปสิบห้าปี โป้ง ชิ และ กา ได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธ์จากชายชราชาวจีนที่ช่วยพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็เรียกชายชราชาวจีนคนนั้นว่า อาจารย์ พวกเขารวมตัวกันเป็นทีมนักฆ่า รับจ้างฆ่าคน พร้อมๆ กับสืบหาพวกมาเฟียขอทานเพื่อล้างแค้น ที่ลักพาตัวพวกเขามาและทำร้ายพวกเขาจนพิการ เวลาก็ผ่านล่วงเลยไป ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ กอหญ้าคิดในใจว่า โป้งชอบตน เนื่องจากกาหญ้าได้รับกล่องลูกแก้วที่เป็นของโป้งมา แต่โป้งก็มิได้เอ่ยปาก หรือแสดงปฏิกิริยาต่อเธอแต่อย่างใด กอหญ้าไม่สามารถเก็บความในใจไว้ได้อีกต่อไปแล้ว และต้องการรู้ความจริงจากปากของโป้ง แต่โป้งกลับปฏิเสธว่า “กล่องลูกแก้วนั้นไม่ใช่ของตน!”

ในขณะเดียวกันโป้งได้รับว่าจ้างฆ่าน้องชายของพรรคสุริยัน เป็นสาเหตุให้หัวหน้าพรรคโกรธมาก และเมื่อสืบรู้ว่าคนที่ฆ่าน้องชายของตนคือ คนของพรรคจันทรา พรรคคู่อริที่เขาตามหามานานย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยนั่นเอง ศึกการล้างแค้นครั้งยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้น แต่แล้วในที่สุด อาจารย์ และนาเพื่อนรักของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการลอบทำร้ายของพรรคมาร หน้าที่ในการปกป้องอาจารย์ และนา จึงตกเป็นของ โป้ง ชิ กา และกอหญ้า ทุกคนต่อสู้กับพรรคมารสุดชีวิต หมู่บ้านเล็กๆ อันแสนสงบกลายเป็นสนามประลองยุทธ์

ขอบคุณเรื่องย่อจากหนังดีดอทคอม

ตัวอย่างหนัง



บทวิจารณ์

หนังเริ่มต้นแบบเลวร้ายอยู่สักหน่อยที่แสดงให้เห็นถึงการทารุณเด็ก(ตัวเอกไว้เด็ก)แบบรุนแรงมาก ซึ่งถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในหนังอาจจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยทุกวันนี้ แต่ก็เป็นภาพที่ดูแล้วชวนให้หน้าหดหู่จริงๆ สำหรับในส่วนของเนื้อเรื่อง หนังก็พยายามแทรกมุขที่เรียกว่า พยายามทำให้ขำ อยู่ตลอดๆ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องเหตุการณ์ทารุณเด็กในตอนแรกจึงทำให้รู้สึกติดตาอยู่ มุขในตอนแรกๆ จึงไม่ค่อยที่จะสร้างเสียงหัวเราะสักเท่าไหร่ กว่าหนังจะเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ก็ปาไปเกือบจะกลางเรื่อง หนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยแล้วก็สร้างประเด็นขึ้นในทำนองรักสามเศร้าอีกทั้งยังผูกประเด็นซับซ้อนไปมาเกี่ยวกับ ความแค้น

หนังพยายามจะแสดงให้เห็นประมาณว่าอย่าดูถูกคนพิการว่าทำไม่ได้ อย่างในชอตที่ให้ ชิ ที่ตาบอดเป็นคนขับรถ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากจะถามว่ามีคนพิการตาบอดขับรถอยู่ในโลกใบนี้รึเปล่า และหากจะบอกว่า มี คุณจะเชื่อหรือเปล่าล่ะ!!!

หนังพยายามสอดแทรกวิทยายุทธกำลังภายในเข้าไปตลอดแต่ก็ทำออกมาได้กลางๆ อาจจะเป็นเพราะวิทยายุทธในหนังนั้นเป็นการออกแบบขึ้นมาเองโดยใช้วิทยายุทธที่มีมาก่อนเป็นพื้นฐานเท่านั้นจึงทำให้แสดงออกมาไม่ถึงที่สุด

สำหรับในส่วนของนักแสดง เป้ อารักษ์ก็ถือว่าแสดงได้ดีในส่วนของบทคนเป็นใบ้พูดไม่ชัด ที่เรียกได้ว่า หากฟังไม่รู้เรื่องมากกว่านี้อาจจะต้องขึ้นซับไทเทิลประกอบคำพูดกันเลยก็ได้ คนต่อมาก็เป็น โทโมะ เคโอติก สำหรับโทโมะอาจจะเป็นเพราะพิการในส่วนที่มองเห็นได้ยากจึงทำให้พอแสดงออกมาแล้วแสดงได้ยากที่จะทำไห้คนดูเชื่อว่า โทโมะ เป็นคนหูตึง ในส่วนของ มาริโอ้ เมาเร่อ ก็เป็นอะไรที่พลิกบทบาทจากหล่อขั้นเทพมาเป็นหล่อปัญญานิ่ม แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเราเคยเห็นมาริโอ้แสดงบทตลกๆ แบบนี้มาแล้วในเรื่อง สาระแนสิบล้อ หรือจะเป็นเรื่องอื่นๆ ที่แสดงบทติ้งต๊องนิดๆ หน่อยๆ มาบ้าง จึงเป็นอะไรที่ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ และคนสุดท้าย แบงค์ สำหรับการแสดงนั้นจะเรียกว่า ยาก ได้รึเปล่าก็พูดไม่ได้เพราะการแสดงเป็นคนตาบอดนั้นเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าทั้งยากและง่าย อีกทั้งในเรื่องแบงค์ก็ใส่แว่นดำตลอด สิ่งที่แสดงให้รู้ว่าเป็นตาบอดก็เพียงแค่ถือไม้เท้าสำหรับคนตาบอดเท่านั้น

ส่วนนักแสดงที่เล่นเป็นนางเอก ก็แสดงออกมาได้ดีพอประมาณเหมือนจะถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่ นางเอกที่ต้องมี เพื่อสร้างหรือเพิ่มประเด็นในเรื่องความรักให้กับหนังตามคอนเซ็ป "หนังรักเต็มพลัง" เท่านั้น

และสำหรับในส่วนของฉากต่อสู้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีระดับหนึ่งเท่านั้น ด้วยอาจจะเป็นเพราะนักแสดงส่วนใหญ่ของเรื่องไม่ได้เป็นนักแสดงแอคชั่นจึงทำออกมาได้ดีแค่เท่านี้

สรุป หนังดูได้ครับเหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ไม่ต้องการดูหนังที่มีความซับซ้อนอะไร รวมไปจนถึงต้องการเข้าไปดูบรรดานักร้องวัยรุ่นที่แสดงในเรื่อง

คะแนน 7/10

6/9/54

Fright Night : คืนนี้ผีมาตามนัด

เนื้อเรื่องย่อ

ชาร์ลี บริวสเตอร์ (แอนทอน เยลชิน) เด็กหนุ่มม.ปลายที่กำลังไปได้ดีกับชีวิตที่โรงเรียน เขาอยู่ในกลุ่มคนดังและออกเดทกับสาวสวยที่ผู้ชายทุกคนในโรงเรียนใฝ่ฝัน จริงๆแล้ว เขาเจ๋งขนาดที่กล้าพูดจาถากถางเพื่อนสนิทของเขาเอง แต่ปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อ เจอร์รี่ (โคลิน ฟาร์เรล) ได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านข้างๆ เขาดูเหมือนจะเป็นคนดีในตอนแรก แต่มีบางอย่างที่ดูไม่เข้าที่เข้าทาง ซึ่งทุกคน รวมถึงแม่ของ   ชาร์ลี (โทนิ คอลเล็ตท์) ไม่ทันได้สังเกต หลังจากที่เขาได้เห็นการกระทำอันแปลกประหลาด ชาร์ลีก็ได้ข้องสรุปที่ชัดเจนแล้วว่า เจอร์รี่คือแวมไพร์ที่ออกล่าเหยื่อในละแวกบ้านที่เขาอาศัยอยู่ ไม่มีใครเชื่อเรื่องที่เขาพูด ไม่ว่าจะพยายามอธิบายเท่าไหร่ ชาร์ลีจึงต้องหาทางกำจัดเจ้าผีดูดเลือดตนนี้ด้วยตัวของเขาเอง กับค่ำคืนสุดสะพรึง

ขอบคุณเนื้อเรื่องย่อจากหนังดีดอทคอม

ตัวอย่างหนัง



บทวิจารณ์

รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นเหมือนกับการเอาหนังเก่ามาสร้างใหม่แต่ยังคงประเด็นหลักของเรื่องแบบเดิมคือ ผีดูดเลือดข้างบ้านและมีพระเอกเพียงคนเดียวที่รู้เรื่อง และเพื่อให้หนังทันสมัยมากขึ้น (เพราะต้นฉบับสร้างไว้ตั้งแต่ปี 1985 นู้นแล้ว) จึงเปลี่ยนจากผีดูดเลือดแก่หงักเป็นผีดูดเลือดหนุ่มหล่อที่ิออกล่าเหยื่อตามสถานบันเทิงยามค่ำคืน และอาศัยพลังของตัวเองในการต่อสู้กับพระเอก มากกว่าที่จะแปลงร่างเป็น ค้างคาว หรือ หมาป่า แบบในหนังต้นฉบับ

หนังเริ่มต้นขึ้นแบบ งงๆ หน่อยแบบจู่ๆ ก็มีการฆาตกรรมครอบครัวๆ ครอบครัวหนึ่งโดยอะไรก็ไม่รู้ได้ (เหอๆ ก็คงเป็นไอ้ผีดูดเลือดในเรื่องนั้นแหละ) จากนั้นก็เปลี่ยนมาให้มาเจอกับพระเอกทันทีเลย เลยชวนให้สงสัยว่ามันเป็นเมืองเดียวกันหรือคนละเมืองกับที่พระเอกอยู่กันแน่(เพราะเมืองแรกเปิดตัวตอนกลางคืน แต่เมืองพระเอกเปิดตัวตอนเช้า)แต่ก็ดูเหมือนพอจะเดาได้ว่าเป็นคนละเมืองกันเพราะดูเหมือนว่า พระเอกย้ายมาก่อนที่จะเกิดเรื่อง และก็เหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้จะแทรกมุขประมาณ 18+ เอาไว้เป็นระยะๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพระเอกกำลังอยู่ในวัยหนุ่ม ที่อาจจะเรียกได้ว่า เด็กหนุ่มอเมริกันส่วนมากก็จะเป็นแบบนั้น จากนั้นหนังก็เริ่มประเด็นที่คนอเมริกันส่วนใหญ่จะคิดก็คือ เพื่อนบ้านดีหรือเปล่า? โดยมักจะประเมินจากการเข้าไปพูดคุย หนังดำเนินไปเรื่อยๆ ประมาณว่า เพื่อนในกลุ่มขาดการติดต่อ จากนั้นก็ไปหาเพื่อนคนนั้นที่บ้าน โดยมีคนที่รู้ข้อมูลของเรื่องแทบจะหมดทุกอย่างเป็นเพื่อนหรือคนในกลุ่ม แล้วก็พยายามจะบอกพระเอก แต่พระเอกก็ต้องพยายามไม่เชื่อประมาณคิดว่าไอ้สิ่งที่เพื่อนหรือคนในกลุ่มเตือนหรือบอกมานั้นมันไร้สาระ จนสุดท้ายก็โดนเข้ากับตัวเอง

สำหรับผีดูดเลือดในเรื่องนี้เรียกได้ว่าฉลาดพอตัวและก็มีเล่ห์เหลี่ยมบวกด้วยพละกำลังที่เรียกได้ว่า พระเอกไม่น่าจะเอาชนะได้เลย แต่ก็อย่างว่าหนังทุกเรื่องยังไงพระเอกก็ต้องมีทางออกหรือมีตัวช่วยโผล่มาช่วยเสมอ แถมในเรื่องยังมีกฎหรือข้อกำหนดที่ไม่เคยมีในหนังผีดูดเลือดเรื่องไหนเลย(ที่เคยดูมา)นั้นก็คือ ถ้าไม่เชิญเข้าบ้านจะเข้าไม่ได้ ซึ่งก็แปลกดีเพราะหนังผีดูดเลือดที่เคยดูมาจะเป็นแบบไม่เชิญก็เข้าเองได้

สำหรับในส่วนของนักแสดงที่แสดงเป็นพระเอกและนางเอกนั้นก็เหมือนจะมาเป็นตัวประกอบของนักแสดงที่เล่นเป็นผีดูดเลือดมากกว่า แต่ก็อาจจะเป็นเพราะนักแสดงที่แสดงเป็นพระเอกและนางเอกนั้นยังดูหน้าใหม่ผิดกับนักแสดงที่เล่นผีดูดเลือดที่เป็นนักแสดงใหญ่ที่มีชื่อว่า โคลิน ฟาเรล

หนังดำเนินเรื่องไปในทำนองที่ว่า กูก็รู้ว่ามึงรู้ แล้วต่างก็จ้องหาโอกาสกำจัดซึ่งกันและกัน ในเรื่องดูเหมือนพลังความสามารถต่างๆ ของผีดูดเลือดจะหายไปกลายเป็นแค่ ตัวดูดเลือด มากกว่าที่จะเป็น ผีดูดเลือดผู้ทรงอิทธิฤทธิ์เหมือนในสมัยก่อน

สรุป ดูได้ครับ แต่ดูแบบอย่าคิดเอาไปเทียบกับหนังผีดูดเลือดที่เคยดูมาเด็ดขาดเพราะจะทำให้คิดไปว่าบางอย่างหรือบางตอนทำไมพระเอกมันถึงรอดมาได้ง่ายๆ แบบนี้

คะแนน 7/10